เค้กเรดเวลเวท Red Velvet Cake

image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF


เค้กเรดเวลเวท

เค้กเรดเวลเวท Red Velvet Cake

เค้กเรดเวลเวท Red Velvet Cake แอดซูเฟล่จะนำเสนอเมนูเค้กสไตล์สไตล์อเมริกัน ซึ่งแอดซูเฟล่ลองทำมาแล้วอร่อยมากๆเลยค่ะ อยากแชร์สูตรเลย นั่นคือเค้กเรดเวลเวท อร่อยเด็ด รสชาติไม่เป็นสองรองใคร เค้กเรดเวลเวท สูตรสูตรนี้ดัดแปลงมาจาก adamsextract เค้กมีสีสันแดงสดสวยงาม และมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ จนทำให้หลายคนมักจะซื้อมากินกันบ่อยๆ เนื้อสปันจ์เค้กอันอ่อนโยน เข้ากันกับสีอันจัดจ้าน บัตเตอร์ครีมแสนอร่อยนุ่มนวล

ลองทำตามวิธีทำนะคะ รับรองว่าทำตามได้ไม่ยาก แอดซูเฟล่รับประกันความประทับใจค่ะ พูดไปแล้วท้องก็ร้อง ไปลุยกันเลยค่ะ มาทำเค้กเรดเวลเวทกัน นึกถึงเมนูนี้ทีไร อดใจไม่ไหวทุกที มาค่ะ ดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูเค้กเรดเวลเวทกันเลยค่ะ


สูตรเค้กเรดเวลเวท
– สำหรับส่วนสปันจ์เค้ก
โซดา 1 ช้อนชา
บัตเตอร์มิลค์ 1 ถ้วย (240 มล.)
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
ชอร์ตเทนนิ่ง 1/2 ถ้วย (95 กรัม)
น้ำตาล 1 1/2 ถ้วย (300 กรัม)
ไข่ 2 ฟอง
กลิ่นอดัมส์บัตเตอร์ 1 ช้อนชา
1 ออนซ์ (30 มล.) Adams Red Color
โกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ
แป้งร่อน 2 1/2 ถ้วย (300 กรัม)
เกลือ 1 ช้อนชา
– น้ำตาลไอซิ่ง
น้ำตาลไอซิ่งร่อน 1 ปอนด์ (450 กรัม)
ชอร์ตเทนนิ่งถ้วย 1/2 ถ้วย (95 กรัม)
กลิ่นอดัมส์บัตเตอร์ 1/4 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
นม 5 ช้อนโต๊ะ

 

วิธีทำเค้กเรดเวลเวท
เปิดเตาอบที่ 350 ° F / 180 ° C
เริ่มทำงานกับแป้งโดยทำให้ชอร์ตเทนนิ่งและน้ำตาลเป็นครีม
ทีละครั้ง ใส่ไข่สองฟองลงในส่วนผสมที่เป็นครีมแล้วตีต่อจนไข่เข้ากันดี
จากนั้นใส่กลิ่นวานิลลาและเนยลงในส่วนผสม
ในชามที่แยกต่างหาก ทำแป้งโกโก้และสีผสมอาหาร แล้วผสมลงในส่วนผสมชอร์ตเทนนิ่ง
ร่อนส่วนผสมแห้งเข้าด้วยกัน แล้วสลับกับบัตเตอร์มิลค์ครึ่งหนึ่ง ใส่ลงในส่วนผสม
จากนั้นใส่น้ำส้มสายชูและบัตเตอร์มิลค์ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งลงในแป้ง
สุดท้าย เทส่วนผสมลงในพิมพ์ 3 ขนาด 9 หรือ 10 นิ้ว (23-25 ซม.) ที่ทาด้วยน้ำมันและแป้ง แล้วนำเข้าอบ 20-25 นาที
ก่อนปิดชั้นด้วยฟรอสติ้ง ปล่อยให้เย็นอย่างน้อยสิบนาที
น้ำตาลไอซิ่ง
ร่อนน้ำตาลไอซิ่งและผสมครึ่งหนึ่งกับสองรสชาติ เกลือ และชอร์ตเทนนิ่ง
จากนั้นสลับกันใส่น้ำตาลและนมที่เหลือลงในส่วนผสมจนเป็นไอซิ่งที่กระจายตัวเป็นเนื้อเดียวกัน ทานให้อร่อยนะคะ



baanbakery banner

ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/red-velvet-cake/recipe

ประวัติเค้กเรดเวลเวท

ต้นกำเนิดของเค้กเรดเวลเวทนั้นยากต่อการแก้ให้หายยุ่ง บางคนบอกว่ามันถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1800 ระหว่างการปฏิวัติอุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักร ในเวลานั้น มีการไหลเข้าของส่วนผสมใหม่และแปลกใหม่ (เช่น โกโก้) ผ่านเรือกลไฟ ขอบคุณนักข่าวอาหารและนักประวัติศาสตร์ด้านอาหาร ตอนนี้เรารู้แล้วว่าในปี ค.ศ. 1800 พ่อครัวได้ค้นพบว่าถ้าคุณผสมน้ำส้มสายชูหรือส่วนผสมที่เป็นกรดอื่นๆ สำหรับเรื่องนั้น กับโกโก้แปรรูปที่ไม่ใช่ของชาวดัตช์ เค้กจะมีสีแดงเล็กน้อย ที่น่าสนใจคือ ในช่วงการปันส่วนอาหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อไม่มีส่วนผสมในการอบหลัก คนทำขนมปังเคยเติมน้ำบีทรูทลงในเค้กเพื่อให้ดูน่าดึงดูดและชุ่มชื้นมากขึ้น

แม้ว่าสูตรเค้กกำมะหยี่สีแดงบางสูตรต้องใช้น้ำบีทรูท แต่ก็ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าน้ำบีทรูทเคยเป็นส่วนประกอบสำคัญของเค้กในสมัยก่อน อย่างไรก็ตาม ทั้งโรงแรม Waldorf-Astoria ในนิวยอร์กซิตี้และบริษัท Adams Extract อ้างว่าเป็นผู้สร้าง Red Velvet Cake Irma S Rombauer เป็นคนแรกที่พูดถึง Velvet Cake ในหนังสือ The Joy of Cooking ของเธอ ซึ่งพิมพ์ออกมาเมื่อปี 1943 พูดจริงๆ นะ เค้กไม่เป็นที่นิยมในครัวเรือนอเมริกันเลย จนกระทั่ง Adams Extract บริษัทคิดค้นสีผสมอาหาร สเตอร์ลิง คริม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบริษัท Adams Extract Company กล่าว จอห์น อดัมส์และเบ็ตตีภรรยาของเขากินเค้กเรดเวลเวทเป็นครั้งแรกที่โรงแรมวอลดอร์ฟ-แอสโทเรีย จอห์นได้รับแรงบันดาลใจจากของหวาน จึงเกิดแนวคิดในการสร้างสูตรที่คล้ายกันซึ่งจะรวมสีผสมอาหารเพื่อทำให้ชุดเค้กดูสดใสยิ่งขึ้น

วัตถุดิบเค้กเรดเวลเวท
milk
นม หรือ น้ำนม (Milk) คือ ของเหลวสีขาวที่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กหรือสัตว์เกิดใหม่ ที่ผลิตออกมาจากเต้านมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อาทิเช่น มนุษย์ วัว แพะ แกะ ควาย ม้า ลา อูฐ จามรี เรีนเดียร์ ลามา แมวน้ำ และยังรวมไปถึงเครื่องดื่มที่ใช้แทนนมด้วย เช่น นมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว นมข้าวโพด นมแอลมอนด์เป็นต้น
buttermilk
บัตเตอร์มิลค์ (Buttermilk) เป็นของเหลวที่ได้จาก ตีครีมเพื่อเปลี่ยนเป็นเนย. ง่ายๆแค่นั้นเอง เนื้อสัมผัสคล้ายกับนมพร่องมันเนยและรสชาติของมันมีรสขม ในการทำขนมจะใช้เพราะมันเพิ่มความ ความเป็นฟอง ของมวลชนและให้ รสชาติ เหมาะสำหรับสโคนและคัพเค้ก
butter
เนย (Butter) เป็นไขมันสัตว์ที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการแยกออกมาจากน้ำนมหรือครีม ส่วนใหญ่จะใช้น้ำนมจากสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ หรือแกะ กระบวนการผลิตเนย เริ่มจากการนำน้ำนมไปเข้าเครื่องจักรเพื่อปั่นหรือเหวี่ยงด้วยความเร็วสูง เมื่อเหวี่ยงจนได้ที่จะได้วัตถุดิบออกมา 2 ชนิด คือ บัตเตอร์มิลค์ เป็นส่วนของน้ำสีขาวขุ่น และเนย เป็นส่วนของก้อนไขมันสีเหลืองๆ ซึ่งก็คือเนยแท้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘เนยสด’ นั่นเอง
sugar
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ
eggs
ไข่ (Eggs) เป็นหนึ่งในอาหารโปรตีนสูง ใน 1 ฟองจะมีโปรตีน 6 กรัม จึงถือเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งผู้ที่ต้องการมีกล้ามเนื้อทั้งหลายต่างเลือกรับประทาน เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยในการเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เนื่องจากในไข่มีสารโคลีน (Choline) มากถึง 20% เป็นปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ที่เมื่อไปรวมกับกรดไขมันฟอสโฟลิพิด (Phospholipid) จะเกิดเป็นสารเลซิทิน (Lecithin) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมอง จึงเชื่อกันว่าไข่อาจช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และช่วยให้ระบบประสาทแข็งแรงได้
salt
เกลือ (Salt) หรือเกลือโซเดียมนั้นมีแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็อาจส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ดังนี้ ป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ,ป้องกันภาวะขาดน้ำ และป้องกันการขาดไอโอดีน แต่ต้องรับประทานในขนาดที่เหมาะสมต่อวันมิเช่นนั้นจะเดิดโทษต่อร่างกาย มากกว่าได้ประโยชน์

 

image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF