
ลามิงตันเค้ก Lamington
ลามิงตันเค้ก Lamington ถ้าคุณกำลังหาสูตรเด็ดของลามิงตันเค้ก แอดซูเฟล่ว่าโป๊ะเช๊ะเลยค่ะ สูตรนี้คือสูตรของเพื่อนๆ ถูกต้องแล้วค่ะแอดซูเฟล่ชวนทำเมนูลามิงตันเค้ก สูตรดั้งเดิมสำหรับลามิงตันเค้ก เป็นเค้กสปันจ์เคลือบด้วยช็อกโกแลตไอซิ่งบางๆ แล้วนำไปคลุกกับมะพร้าวอบแห้ง สอดไส้ด้วยแยม ลองนึกดูเค้กสไตล์ออสเตรเลีย ซึ่งแอดซูเฟล่ลองทำมาแล้วอร่อยมากๆเลยค่ะ อยากแชร์สูตรเลย ของอร่อยอย่างนี้ต้องห้ามพลาด บรรยายซะเห็นภาพน้ำลายไหล มาทำลามิงตันเค้กเจ้าค่ะ อร่อยกันปังๆ มาค่ะดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูลามิงตันเค้กกันเลยค่ะ
[bws_pdfprint display=’pdf’]
สูตรลามิงตันเค้ก |
เนย 125 กรัม (1 ถ้วย + 1 ช้อนโต๊ะ) |
น้ำตาลทราย 200 กรัม |
วานิลลาสกัด 1/2 ช้อนชา |
ไข่ 3 ฟอง |
แป้งร่อนเอง 220 กรัม (1 3/4 ถ้วย) ร่อน |
นม 120 มล. (1/2 ถ้วย) |
มะพร้าวผึ่งให้แห้ง 180 กรัม (2 ถ้วย) |
น้ำตาลไอซิ่ง |
น้ำตาลไอซิ่ง 300 กรัม (2 1/2 ถ้วย) |
ผงโกโก้ 30 กรัม (1/4 ถ้วย) |
เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ |
น้ำเดือด 120 มล. (1/2 ถ้วย) |
วิธีทำลามิงตันเค้ก |
ขั้นแรก ตั้งเตาอบให้อุ่นที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส (350 องศาฟาเรนไฮต์) ทาน้ำมันหรือเนยกระทะ 20 ซม. x 30 ซม. (8×11 นิ้ว) จากนั้นปูกระดาษรองอบ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเพื่อนๆปล่อยทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ซม. (1 นิ้ว) ให้ยื่นด้านข้าง |
ในชาม ตีน้ำตาล วานิลลา และเนยด้วยเครื่องผสมจยเข้ากันดีและครีม จากนั้นเริ่มใส่ไข่ทีละฟอง ตีหลังจากการเติมแต่ละครั้ง |
จากนั้นร่อนแป้งครึ่งหนึ่งลงบนส่วนผสมเนยแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นเติมนมครึ่งหนึ่งแล้วคนอีกครั้ง ทำขั้นตอนนี้อีกครั้งด้วยแป้งและนมที่เหลือ |
เทแป้งลงในกระทะแล้วเกลี่ยด้านบนให้เรียบ นำเข้าอบในเตาอุ่นเป็นเวลา 30 นาทีหรือจนกว่าไม้จิ้มฟันที่สอดเข้าไปตรงกลางจะออกมาโดยไม่มีเศษเล็กเศษน้อย |
เมื่ออบแล้ว ทิ้งไว้ในกระทะ 10 นาที แล้วพลิกกลับด้านบนตะแกรงให้เย็น คลุมด้วยผ้าแล้วทิ้งไว้ค้างคืน |
ในวันถัดไปให้ทำไอซิ่งก่อนร่อนน้ำตาลไอซิ่งพร้อมกับโกโก้ลงในชาม จากนั้นใส่เนยและน้ำเดือดลงไป แล้วคนให้เข้ากัน |
หั่นเค้กเป็นชิ้นเท่าๆ กัน 15 ชิ้น วางมะพร้าวขูดในจาน แล้ววางตะแกรงบนถาดอบ |
ใช้ส้อมจิ้มเค้กหนึ่งชิ้นลงในไอซิ่ง สลัดส่วนที่เกินออก แล้วม้วนมะพร้าว วางสี่เหลี่ยมเสร็จแล้วแต่ละอันบนตะแกรงที่เตรียมไว้ |
เมื่อเสร็จแล้ว ให้ปล่อยทิ้งไว้อีกสองชั่วโมงข้างหน้าก่อนเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
[bws_pdfprint display=’pdf’]

ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/lamington/recipe
ประวัติลามิงตันเค้ก
แม้ว่าจะแน่ใจว่าขนมนี้ได้รับการตั้งชื่อตามลอร์ด Lamington ผู้ว่าการรัฐควีนส์แลนด์ตั้งแต่ปี 2439 ถึง 2444 หรือภรรยาของเขา แต่ตัวตนของผู้ประดิษฐ์ที่แน่นอนนั้นไม่ชัดเจน ทุกวันนี้ มีเรื่องราวที่แตกต่างกันอย่างน้อยสามเรื่องที่มีการหมุนเวียน แต่ไม่มีเรื่องใดที่กล่าวถึงบุคคลเดียวกัน คู่แข่งรายหนึ่งที่เป็นไปได้คือ Amy Schaumer ซึ่งเป็นครูสอนทำอาหารที่ Brisbanes Central College ในขณะนั้น อีกสองคนเป็นเชฟแห่งครัวฝรั่งเศส Armand Galland และ Fanny Young จาก Ipswich ซึ่งทั้งคู่ทำงานให้กับ Lamingtons เป็นพ่อครัว คำว่า เค้กลามิงตัน ปรากฏครั้งแรกในปี พ.ศ. 2439 แต่สูตรแรกที่เรารู้จักในปัจจุบันนี้ได้รับการตีพิมพ์ในควีนส์แลนด์คันทรีไลฟ์ในปี 1900 และแม้ว่าลอร์ดลามิงตันจะไม่ชอบเค้กก็ตาม — เขาอธิบายว่ามันเป็นบิสกิตขนปุยเปื้อนเลือด — ลามิงตันได้รับความนิยมอย่างช้าๆ และวันนี้เป็นไอคอนของออสเตรเลียซึ่งมีการเฉลิมฉลองทุกปีในวันลามิงตันแห่งชาติในวันที่ 21 กรกฎาคม
วัตถุดิบลามิงตันเค้ก |
butter |
เนย (Butter) เป็นไขมันสัตว์ที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการแยกออกมาจากน้ำนมหรือครีม ส่วนใหญ่จะใช้น้ำนมจากสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ หรือแกะ กระบวนการผลิตเนย เริ่มจากการนำน้ำนมไปเข้าเครื่องจักรเพื่อปั่นหรือเหวี่ยงด้วยความเร็วสูง เมื่อเหวี่ยงจนได้ที่จะได้วัตถุดิบออกมา 2 ชนิด คือ บัตเตอร์มิลค์ เป็นส่วนของน้ำสีขาวขุ่น และเนย เป็นส่วนของก้อนไขมันสีเหลืองๆ ซึ่งก็คือเนยแท้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘เนยสด’ นั่นเอง |
sugar |
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ |
vanilla |
วานิลลา (Vanilla) เป็นกลิ่นที่ได้จากฝักของกล้วยไม้สกุล Vanilla ต้นกำเนิดจากเม็กซิโก ชื่อวานิลลามาจากคำในภาษาสเปนว่า “ไบย์นียา” (vainilla) ซึ่งแปลว่า ฝักเล็ก ๆ วานิลลามักถูกนำมาใช้แต่งกลิ่นในการทำอาหารประเภทของหวานและไอศกรีม |
eggs |
ไข่ (Eggs) เป็นหนึ่งในอาหารโปรตีนสูง ใน 1 ฟองจะมีโปรตีน 6 กรัม จึงถือเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งผู้ที่ต้องการมีกล้ามเนื้อทั้งหลายต่างเลือกรับประทาน เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยในการเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เนื่องจากในไข่มีสารโคลีน (Choline) มากถึง 20% เป็นปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ที่เมื่อไปรวมกับกรดไขมันฟอสโฟลิพิด (Phospholipid) จะเกิดเป็นสารเลซิทิน (Lecithin) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมอง จึงเชื่อกันว่าไข่อาจช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และช่วยให้ระบบประสาทแข็งแรงได้ |
milk |
นม หรือ น้ำนม (Milk) คือ ของเหลวสีขาวที่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กหรือสัตว์เกิดใหม่ ที่ผลิตออกมาจากเต้านมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อาทิเช่น มนุษย์ วัว แพะ แกะ ควาย ม้า ลา อูฐ จามรี เรีนเดียร์ ลามา แมวน้ำ และยังรวมไปถึงเครื่องดื่มที่ใช้แทนนมด้วย เช่น นมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว นมข้าวโพด นมแอลมอนด์เป็นต้น |
coconut |


Post Views: 498