เบเกิลอบเชยลูกเกด Cinnamon Raisin Bagels
เบเกิลอบเชยลูกเกด Cinnamon Raisin Bagels ไม่มีอะไรที่ทำให้เราฟินได้มากไปกว่าการได้ทำเมนูสุดพิเศษ ที่เราทำเองได้ที่บ้าน แอดครูตองซ์ชวนทำเมนูเด็ด เบเกิลอบเชยลูกเกดขนมปังสไตล์สไตล์อเมริกัน ซึ่งแอดครูตองซ์ลองทำมาแล้วอร่อยมากๆเลยค่ะ อยากแชร์สูตรเลย ดัดแปลงจากตำราอาหารชาวยิวสมัยใหม่: Challah, Babka, Bagels & More โดย Shannon Sarna สูตรนี้แสดงวิธีการเตรียมเบเกิลลูกเกดอบเชย อุปกรณ์พิเศษเพียงอย่างเดียวที่ต้องใช้คือหินอบพิซซ่าคิดดูสิ เบเกิลอบร้อนๆ ทานเป็นอาหารเช้ารับวันใหม่ ไปลองทำของอร่อยๆ กินกันค่ะ แค่คิดก็อยากกินแล้ว มาทำเบเกิลอบเชยลูกเกดกันเลยค่ะ อร่อยเด็ดเมนูระดับมิชิลินสตาร์ มาค่ะดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูเบเกิลอบเชยลูกเกดกันเลยค่ะ
สูตรเบเกิลอบเชยลูกเกด
ยีสต์แห้ง 2 ช้อนชา
น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
น้ำอุ่น 1 1/2 ถ้วยตวง
แป้งขนมปังไม่ฟอก 4 ถ้วย
อบเชย 2 ช้อนชา
2 ช้อนชา + เกลือป่น
1 ช้อนโต๊ะกอง + 2 ช้อนชา ข้าวบาร์เลย์มอลต์
ลูกเกด 3/4 ถ้วย
วิธีทำเบเกิลอบเชยลูกเกด
คนยีสต์ น้ำตาล และน้ำอุ่นลงในถ้วยเล็กๆ จนเข้ากัน แล้วพักไว้ 5 นาที
ในขณะที่เพื่อนๆรอให้ยีสต์แอคทีฟ ให้ใส่แป้ง อบเชย เกลือสองช้อนชา และข้าวบาร์เลย์มอลต์หนึ่งช้อนโต๊ะลงในชามผสมอาหารแบบตั้งพื้นที่มีตะขอเกี่ยว
เมื่อส่วนผสมของยีสต์เป็นฟองแล้ว ให้ใส่ลงในชามของเครื่องผสมแป้ง ผสมด้วยความเร็วต่ำ และหลังจากนั้น 3-4 นาที ให้ใส่ลูกเกดและเพิ่มความเร็วเป็นความเร็วปานกลางถึงต่ำ ผสมเป็นเวลา 5-7 นาทีที่ความเร็วนั้น
พักแป้งไว้ 1 นาที แล้วแบ่งเป็น 8-10 ชิ้น ชิ้นละประมาณ 3-4 ออนซ์
ปั้นแป้งแต่ละชิ้นให้เป็นลูกกลมๆ จัดก้อนแป้งบนถาดอบที่ปูด้วยกระดาษรองอบ แล้วคลุมด้วยผ้า ปล่อยให้แป้งพัก 15 นาทีก่อนดำเนินการต่อ
ม้วนแป้งแต่ละก้อนเป็นเส้นขนาด 3 ถึง 4 นิ้วโดยให้ปลายเรียว
ในการขึ้นรูป ให้พันแป้งเป็นเส้นรอบสามนิ้วของเพื่อนๆ บีบปลายเข้าด้วยกันแล้วม้วนเพื่อยึดยึดให้แน่น
นำเบเกิลกลับไปที่ถาดจากตำแหน่งที่เพื่อนๆนำออกมา จากนั้นแช่เย็นไว้ 12-18 ชั่วโมง
วันรุ่งขึ้น เมื่อพร้อมที่จะทำต่อ ขั้นแรกให้วางพิซซ่าสโตนบนตะแกรงด้านบนของเตาอบ แล้วตั้งให้อุ่นที่อุณหภูมิ 500 องศาเซลเซียส หินพิซซ่าควรอยู่ในเตาอุ่นอย่างน้อย 30 นาที
เติมน้ำในหม้อกว้าง แล้วนำไปตั้งไฟอ่อนบนไฟร้อนปานกลาง-สูง เพิ่มข้าวบาร์เลย์มอลต์สองช้อนชาและเกลือเล็กน้อย
ปรับความร้อนเพื่อให้น้ำเดือด จากนั้นใส่เบเกิลด้านแบนขึ้นในน้ำ ต้มต่อข้างละ 30-60 วินาที
เมื่อเสร็จแล้วให้ย้ายเบเกิลที่ต้มแล้วคว่ำหน้าลงบนหินพิซซ่า หลังจากผ่านไป 10 นาที ให้พลิกเบเกิลแล้วอบต่ออีก 3-5 นาที ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆต้องการให้เบเกิลกรอบแค่ไหน
ทำซ้ำเช่นเดียวกันกับเบเกิลที่เหลือ
เมื่อออกจากเตาอบ ปล่อยให้เบเกิลเย็น แล้วเสิร์ฟทันที ทานให้อร่อยนะคะ
VIDEO
ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/bagels/recipe/cinnamon-raisin-bagels
ประวัติเบเกิลอบเชยลูกเกด
ตามตำนานกล่าวไว้ว่า เบเกิลถูกคิดค้นขึ้นในปี 1683 เพื่อเป็นเกียรติแก่ John III Sobieski กษัตริย์โปแลนด์ที่รับผิดชอบในการกอบกู้เวียนนาจากการยึดครองของตุรกี อย่างไรก็ตาม แม้จะน่ายินดี แต่ตำนานนี้ถือเป็นเรื่องสมมติ เนื่องจากไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับเบเกิลในคราคูฟตั้งแต่ช่วงปี 1610 เท่านั้น แต่ยังมีขนมปังที่ดูคล้าย obwarzanek ในโปแลนด์ตั้งแต่อย่างน้อยปี 1394 วิธีการที่เบเกิลเกี่ยวข้องกับชาวยิวเป็นหลักเป็นเรื่องราวในตัวเอง แม้ว่าในยุโรปยุคกลางส่วนใหญ่ ชาวยิวจะถูกห้ามไม่ให้ทำขนมปังและขายขนมปัง ในโปแลนด์ สิ่งต่างๆ เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
ประการแรก ในปี 1264 ชาวยิวได้รับสิทธิ์ในการอบและขายขนมปังโดยดยุกแห่งมหานครโปแลนด์ Bolesław the Pious อย่างไรก็ตาม คริสตจักรได้สั่งห้ามคริสเตียนไม่ให้ซื้อขนมปังจากชาวยิวอย่างรวดเร็ว โดยอ้างว่าขนมปังนั้นวางยาพิษ ในที่สุด ชาวยิวในโปแลนด์ก็มีสิทธิขายขนมปังต้มแทน ซึ่งทำให้แตกต่างจากขนมปังที่คริสเตียนขาย ดังนั้น นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เบเกิลกลายเป็นของชาวยิวอย่างเด่นชัด และชาวยิวจำนวนมากหันไปขายเบเกิลตามท้องถนนเมื่อเงินตึงตัว เบเกิลมาถึงสหรัฐอเมริกาพร้อมกับผู้อพยพชาวยุโรปตะวันออก แต่ไม่ได้ออกจากชุมชนชาวยิวไปสู่ประชากรทั่วไปจนถึงปี 1970 ส่วนใหญ่ต้องขอบคุณการประดิษฐ์เบเกิลแช่แข็งในปี 2503 ซึ่งทำให้เบเกิลสามารถไปถึงทุกมุมของประเทศได้ .
วัตถุดิบเบเกิลอบเชยลูกเกด
yeast
ยีสต์ (Yeast) คือสิ่งมีชีวิตที่สามารถเติบโตได้โดยการย่อยอาหาร และยีสต์คือส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการหมัก (Fermentation) ดังนั้นเมื่อเราอบขนมปังที่มีการใส่ยีสต์เป็นส่วนผสมลงไป ยีสต์จะหมักน้ำตาลในแป้ง และปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา เนื่องจากแป้งมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์จึงไม่สามารถหลบหนีได้ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จึงทำให้เกิดการขยายตัว หรือทำให้แป้งพองตัวมีขนาดขยายใหญ่
sugar
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ
bread
ขนมปัง (Bread) เป็นอาหารที่ทำจากแป้งสาลีที่ผสมกับน้ำและยีสต์ หรือผงฟู นอกจากนี้ยังมีการใช้ส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อแต่งสี รสชาติและกลิ่น แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทของขนมปัง และ แต่ละประเทศที่ทำ โดยนำส่วนผสมมาตีให้เข้ากันและนำไปอบ ขนมปังมีหลายประเภท เช่น ขนมปังฝรั่งเศส ขนมปังไรย์ หรือแม้กระทั่งเพรตเซิล ของขึ้นชื่อประเทศเยอรมนี
cinnamon
อบเชย (Cinnamon ) เป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม ได้มาจากเปลือกไม้ชั้นในที่แห้งแล้วของต้นอบเชย แท่งอบเชยมีสีน้ำตาลแดง มีลักษณะเหมือนแผ่นไม้แห้งที่หดงอหลังจากโดนความชื้น มักจะเรียกตามแหล่งเพาะปลูกเช่น อบเชยจีน อบเชยลังกา อบเชยญวน เป็นต้น ในประเทศไทยไม่นิยมปลูกเพราะภูมิอากาศไม่เหมาะสม
salt
เกลือ (Salt) หรือเกลือโซเดียมนั้นมีแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็อาจส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ดังนี้ ป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ,ป้องกันภาวะขาดน้ำ และป้องกันการขาดไอโอดีน แต่ต้องรับประทานในขนาดที่เหมาะสมต่อวันมิเช่นนั้นจะเดิดโทษต่อร่างกาย มากกว่าได้ประโยชน์
barley
ข้าวบาร์เลย์ หรือบาร์เลย์ (Barley) คือธัญพืชชนิดหนึ่ง เมื่อสุกจะมีรสสัมผัสเหนียวนุ่ม และมีรสชาติออกมันเล็กน้อย คนนิยมรับประทานเป็นอาหาร โดยเฉพาะในแถบประเทศอเมริกา นอกจากนี้บางส่วนก็อาจนำข้าวบาร์เลย์มาทำเป็นยา หรือเป็นส่วนประกอบหนึ่งในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกด้วย ข้าวบาร์เลย์นั้นเชื่อกันว่ามีสรรพคุณที่สามารถในการรักษาโรคหัวใจและคอเลสเตอรอลสูง อีกทั้งยังอาจสามารถช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือแม้กระทั่งโรคมะเร็งอีกด้วย
raisins
ลูกเกด (Raisins) เป็นของแปรรูปจากองุ่น โดยการนำเอาองุ่นสดมาตากจนแห้งเป็นสีน้ำตาลจนเกือบเป็นสีดำ หรือในปัจจุบันจะมีการนำไปอบแห้ง แล้วสีของลูกเกดจะเป็นสีทอง เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ที่ยับยั้งการเกิดโรคความเสื่อมทั้งหลาย มีแร่ธาตุและวิตามินที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, โปแตสเซียม, แมกนีเซียม, ไนอาซิน, โฟลาซิน, วิตามิน A และวิตามิน C
Post Views:
366