เค้กชิฟฟ่อน Chiffon Cake เค้กชิฟฟ่อน Chiffon Cake
สูตรเค้กชิฟฟ่อน
แป้ง 2 1/4 ถ้วย
น้ำตาล 1 1/2 ถ้วย
ผงฟู 3 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย
5 ไข่แดงขนาดกลางบุก
น้ำเย็น 3/4 ถ้วย
วนิลา 2 ช้อนชา
ผิวเลมอนขูด 1 ลูก (ตามชอบ)
ไข่ขาว 7-8 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำเค้กชิฟฟ่อน
ร่อนส่วนผสมแห้ง – แป้ง, น้ำตาล, ผงฟู และเกลือ – ลงในชามผสม และทำหลุมตรงกลาง
ใส่ส่วนผสมเปียกทีละอย่าง น้ำมัน ไข่แดง น้ำ วานิลลา และเปลือกมะนาว ใช้ทัพพีไม้คนนวดแป้งจนแป้งเนียนสนิท
ในชามอีกใบ ตีไข่ขาวและครีมออฟทาร์ทาร์จนตั้งยอดแข็ง
ค่อยๆ ตะล่อมไข่ขาวลงในแป้งจนเข้ากันด้วยมีดโกนยางหรือช้อนหนัก
ย้ายส่วนผสมลงในถาดอบ ถ้าเพื่อนๆใช้พิมพ์ขนาด 4 นิ้วยาว 10 นิ้ว ให้อบ 55 นาทีที่ 325˚F เพิ่มอุณหภูมิเป็น 350 ˚F แล้วอบต่ออีก 10-15 นาที ถ้าเพื่อนๆเตรียมเค้กชิฟฟ่อนในกระทะขนาดลึก 2 นิ้ว 9 ต่อ 13 นิ้ว อบไฟ 350 ˚F เป็นเวลา 45-50 นาที เมื่อเค้กเป็นรูพรุนก็เสร็จเรียบร้อย
พลิกกระทะ ปล่อยให้เค้กเย็น แล้วค่อยๆ นำออกจากพิมพ์ ทานให้อร่อยนะคะ
VIDEO
ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/chiffon-cake/recipe
ประวัติเค้กชิฟฟ่อน สำหรับตัวแทนประกันภัยในลอสแองเจลิส แฮร์รี เบเกอร์ เราอาจกล่าวได้ว่านามสกุลของเขาเล็งเห็นถึงความสำเร็จของเขา ในปีพ.ศ. 2470 พ่อครัวผู้หลงใหลในงานอดิเรกได้แนวคิดในการแทนที่เนยด้วยน้ำมันพืชในสูตรเค้กแองเจิลฟู้ด ความคิดของเขาคือการผสมผสานความเข้มข้นของบัตเตอร์เค้กเข้ากับความบางเบาของเค้กสปันจ์ ผลที่ได้คือเค้กที่ฟู โปร่ง และละเอียดอ่อน ซึ่งเขาเรียกว่าเค้กชิฟฟ่อน และเริ่มเตรียมมันสำหรับเครือร้านอาหาร The Brown Derby และงานปาร์ตี้ฮอลลีวูดสุดหรู เขาเก็บสูตรของเขาไว้เป็นความลับเป็นเวลายี่สิบปี จนกระทั่งปี 1947
เมื่อเขาได้รับข้อเสนอที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ เขาถูกเรียกตัวไปที่มินนิอาโปลิส ซึ่งบริษัทอาหารที่ตั้งขึ้นอย่าง General Mills เสนอให้เขาโปรโมตเค้กของเขาผ่านแบรนด์ Betty Crocker เบ็ตตี คร็อกเกอร์เป็นตัวละครสมมติซึ่งในเวลานั้นเป็นผู้หญิงที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับสองในอเมริกาตามนิตยสาร Fortune รายการทำอาหารทางวิทยุและคำแนะนำด้านการทำอาหารของเธอในนิตยสารสิ่งพิมพ์มีอิทธิพลต่อเจ้าของบ้านหลายรุ่น และ Harry Baker ได้ตัดสินใจขายสูตรอาหารของเขาในจำนวนที่ยังไม่เปิดเผยแต่มีนัยสำคัญ ระหว่างช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 ถึงต้นทศวรรษ 1960 สูตรเค้กชิฟฟ่อนหลากหลายได้หลั่งไหลเข้ามาในนิตยสาร และการสร้างสรรค์ที่หรูหรานี้ยังคงเป็นส่วนสำคัญของตำราอาหารอเมริกันทุกเล่ม
วัตถุดิบเค้กชิฟฟ่อน
sugar
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ
baking powder
เบคกิ้งพาวเดอร์ หรือ ผงฟู เป็นส่วนผสมแห้งของสารเคมีคือ เบคกิ้งโซดา+กรดอ่อนๆ + แป้ง เป็นตัวที่ทำให้ขนมของเรานั้นฟูขึ้นเช่นกัน เราจะเห็นว่าในส่วนผสมของผงฟูนั้นมีกรดอ่อนๆ ผสมอยู่แล้วเมื่อเติมน้ำลงไป กรดอ่อนและด่างอ่อนๆ จากเบคกิ้งโซดาก็จะทำปฏิกริยาเกิดฟองแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นมา ด้วยความที่มีกรดเป็นส่วนผสมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอาศัยกรดจากวัตถุดิบอื่นๆ ของอาหาร ขนมปังที่ทำมาจากส่วนผสมของสารเคมีแบบแห้งว่า Quick bread ยกตัวอย่างเช่น แพนเค้ก มัฟฟิน หรือบิสกิต เป็นต้น
salt
เกลือ (Salt) หรือเกลือโซเดียมนั้นมีแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็อาจส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ดังนี้ ป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ,ป้องกันภาวะขาดน้ำ และป้องกันการขาดไอโอดีน แต่ต้องรับประทานในขนาดที่เหมาะสมต่อวันมิเช่นนั้นจะเดิดโทษต่อร่างกาย มากกว่าได้ประโยชน์
vegetable oil
น้ำมันพืช หรือ ไขมันพืช เป็นไขมันที่สกัดจากเมล็ดหรือจากส่วนอื่น ๆ (แม้จะน้อยกว่า) ของพืช เหมือนกับไขมันสัตว์ ไขมันพืชเป็นไตรกลีเซอไรด์แบบต่าง ๆ ที่ผสมกัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันผักกาดก้านขาว และน้ำมันโกโก้เป็นตัวอย่างไขมันจากเมล็ด น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม และน้ำมันรำข้าวเป็นตัวอย่างไขมันจากส่วนอื่น ๆ ของผลไม้ ในคำพูดทั่วไป คำว่า น้ำมันพืช อาจหมายถึงน้ำมันที่อยู่ในสถานะของเหลวที่อุณหภูมิห้องเท่านั้น แต่ก็นิยามกว้าง ๆ ด้วยว่า เป็นไขมันพืชทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงสถานะ
vanilla
วานิลลา (Vanilla) เป็นกลิ่นที่ได้จากฝักของกล้วยไม้สกุล Vanilla ต้นกำเนิดจากเม็กซิโก ชื่อวานิลลามาจากคำในภาษาสเปนว่า “ไบย์นียา” (vainilla) ซึ่งแปลว่า ฝักเล็ก ๆ วานิลลามักถูกนำมาใช้แต่งกลิ่นในการทำอาหารประเภทของหวานและไอศกรีม
lemon
เลมอน (lemon) เป็นผลไม้ที่จัดอยู่ในตระกูลส้ม มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ปลายยอดมีหนามแหลม ลักษณะของใบเป็นใบเดี่ยว เมื่อนำมาขยี้จะมีกลิ่นหอมแรง ส่วนลักษณะของดอกเลมอน ดอกมีกลิ่นหอม และมีสีขาว ส่วนลักษณะของผลเลมอน เป็นรูปกลมรี ที่ปลายผลจะมีติ่งแหลม ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง ในผลมีเมล็ดหลายเมล็ด เนื้อผลฉ่ำน้ำ และมีรสเปรี้ยว
Post Views:
480
