เค้กเอสเตอร์ฮาซี Esterházy torta
เค้กเอสเตอร์ฮาซี Esterházy torta ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการได้รับประทานของอร่อยๆ ที่ทำด้วยฝีมือเราเอง แอดมินชวนทำเมนู เค้กเอสเตอร์ฮาซีเค้กสไตล์ฮังการี ซึ่งแอดมินลองทำมาแล้วอร่อยมากๆเลยค่ะ อยากแชร์สูตรเลย เค้กเอสเตอร์ฮาซี บัตเตอร์ครีมที่ปรุงรสด้วยคอนญักหรือวานิลลาประกบระหว่างแป้งอัลมอนด์เมอแรงค์(มาการูน) ด้วยเคลือบฟองดองและตกแต่งด้วยลายทางช็อกโกแลตอันเป็นเอกลักษณ์นึกดูสิที่รัก แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้วแม๊ บรรยายความน่ากินมามากโข มาทำเค้กเอสเตอร์ฮาซีเจ้าค่ะ อร่อยเด็ดทำให้คนชม มาค่ะดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูเค้กเอสเตอร์ฮาซีกันเลยค่ะ
สูตรเค้กเอสเตอร์ฮาซี | ||
– ชั้น DACQUAOISE | ||
ไข่ขาว 8 ฟอง | ||
น้ำตาลไอซิ่ง 200 กรัม (2 ถ้วย) | ||
ผิวมะนาวขูด 1 ลูก | ||
ผงอบเชยหนึ่งหยิบมือ | ||
อัลมอนด์ 150 กรัม (5.3 ออนซ์) ขูดพร้อมผิว | ||
แป้ง 40 กรัม (1/3 ถ้วย) | ||
– บัตเตอร์ครีม | ||
นม 300 มล. (1 1/4 ถ้วย) | ||
น้ำตาล 150 กรัม (3/4 ถ้วย) | ||
วานิลลาบีน 1 ฝัก | ||
ผงคัสตาร์ดวานิลลา 40 กรัม (1/3 ถ้วย) | ||
ไข่แดง 3 ฟอง | ||
20 มล. (4 ช้อนชา) บรั่นดีเชอร์รี่ | ||
เนย 300 กรัม (1 1/3 ถ้วย) | ||
80 กรัม (5 ช้อนโต๊ะ + 1 ช้อนชา) แยมแอปริคอท | ||
เหล้ารัม 20 มล. (4 ช้อนชา) | ||
– การตกแต่ง | ||
300 กรัม (10.5 ออนซ์) ฟองดอง | ||
โกโก้ | ||
อัลมอนด์สับหยาบ 2-3 ช้อนโต๊ะ (คั่ว) |
วิธีทำเค้กเอสเตอร์ฮาซี | ||
ตั้งเตาอบให้ร้อนที่ 180°C/350°F | ||
ใส่ไข่ขาวและน้ำตาลไอซิ่งสองในสามลงในชามผสม จากนั้นตีจนตั้งยอดอ่อน จากนั้นใส่เปลือกมะนาว อบเชย และน้ำตาลที่เหลือลงไป แล้วตีจนตั้งยอดแข็ง ค่อยๆ เทอัลมอนด์และแป้งลงไป | ||
วาดวงกลมขนาด 24 ซม. (9.5 นิ้ว) หกวงบนกระดาษรองอบ. พลิกกระดาษรองอบเพื่อไม่ให้เมอแรงค์เปื้อน จากนั้นเกลี่ยแป้งด้วยไม้พายด้านในวงกลมที่วาดไว้ | ||
นำเข้าอบเป็นก้อนโดยแง้มประตูไว้ 8-10 นาทีจนเป็นสีน้ำตาลอ่อน | ||
ครีมเนยจนซีดและนุ่ม | ||
เพิ่มสองในสามของนม น้ำตาล และเมล็ดที่ขูดจากเมล็ดวานิลลาลงในกระทะแล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลางเพื่อปรุงอาหาร พอร้อนก็ยกออกจากเตา | ||
ในขณะเดียวกัน ผสมนมที่เหลือกับผงคัสตาร์ดวานิลลา ไข่แดง และบรั่นดีเชอร์รี่ เมื่อเนียนแล้วให้ผสมนมอุ่น | ||
ปล่อยให้คัสตาร์ดเย็นสนิท | ||
ใส่คัสตาร์ดลงในเนยครีมและคนให้เข้ากัน | ||
ทาบัตเตอร์ครีม 5 ชั้น แบ่งเก็บบัตเตอร์ครีมบางส่วนสำหรับเคลือบด้านข้าง จากนั้นวางซ้อนเพื่อให้ได้เค้ก | ||
วางเลเยอร์ dacquoise ที่เหลือคว่ำบนชั้นวางทำความเย็น อุ่นแยมแอปริคอทและเหล้ารัม จากนั้นเทลงบนชั้น dacquoise แล้วปาดด้วยไม้พาย | ||
อุ่นฟองดองจนถึงอุณหภูมิร่างกาย แต่ไม่เกิน 40°C/104°F แบ่งเก็บไว้ 2-3 ช้อนโต๊ะในภายหลังแล้วเทส่วนที่เหลือลงบนชั้นแดคควอยซ์เคลือบแอปริคอท เกลี่ยให้เรียบเนียนด้วยไม้พายแบบออฟเซ็ต | ||
ตอนนี้วางเลเยอร์นั้นไว้บนเค้ก ทาด้านข้างของเค้กด้วยบัตเตอร์ครีมที่เหลือ กดอัลมอนด์ที่หั่นแล้วลงไปที่ด้านข้างของเค้ก | ||
คนโกโก้ลงในฟองดองที่เหลือ จากนั้นใส่ลงในถุงบีบ จากระยะ 2 ซม. (1 นิ้ว) ให้บีบเกลียวจากตรงกลางถึงขอบเค้ก จากนั้น ให้วาดเส้นโดยใช้ไม้จิ้มฟันจากกึ่งกลางถึงขอบเค้กทันที และในทางกลับกันเพื่อให้ได้ลายใยแมงมุมอยู่ด้านบน | ||
แช่เย็นก่อนเสิร์ฟควรค้างคืน ทานให้อร่อยนะคะ |
ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/esterhazy-torta/recipe
วัตถุดิบเค้กเอสเตอร์ฮาซี | ||
sugar | ||
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ | ||
lemon | ||
เลมอน (lemon) เป็นผลไม้ที่จัดอยู่ในตระกูลส้ม มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ปลายยอดมีหนามแหลม ลักษณะของใบเป็นใบเดี่ยว เมื่อนำมาขยี้จะมีกลิ่นหอมแรง ส่วนลักษณะของดอกเลมอน ดอกมีกลิ่นหอม และมีสีขาว ส่วนลักษณะของผลเลมอน เป็นรูปกลมรี ที่ปลายผลจะมีติ่งแหลม ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง ในผลมีเมล็ดหลายเมล็ด เนื้อผลฉ่ำน้ำ และมีรสเปรี้ยว | ||
cinnamon | ||
อบเชย (Cinnamon) เป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม ได้มาจากเปลือกไม้ชั้นในที่แห้งแล้วของต้นอบเชย แท่งอบเชยมีสีน้ำตาลแดง มีลักษณะเหมือนแผ่นไม้แห้งที่หดงอหลังจากโดนความชื้น มักจะเรียกตามแหล่งเพาะปลูกเช่น อบเชยจีน อบเชยลังกา อบเชยญวน เป็นต้น ในประเทศไทยไม่นิยมปลูกเพราะภูมิอากาศไม่เหมาะสม | ||
almond | ||
ถั่วอัลมอนด์ เป็นถั่วที่มีคุณค่าทางสารอาหารต่อร่างกายสูงกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ มาก และยังติด 1 ใน 10 ของสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพอีกด้วย ถ้าคุณได้เห็นคุณค่าทางโภชนาการของถั่วชนิดนี้เทียบกับผักและผลไม้ชนิดอื่น ๆ แล้วคุณจะต้องตกใจ เพราะมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้น และแถมยังมีปริมาณที่มากเสียด้วย | ||
butter | ||
เนย (Butter) เป็นไขมันสัตว์ที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการแยกออกมาจากน้ำนมหรือครีม ส่วนใหญ่จะใช้น้ำนมจากสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ หรือแกะ กระบวนการผลิตเนย เริ่มจากการนำน้ำนมไปเข้าเครื่องจักรเพื่อปั่นหรือเหวี่ยงด้วยความเร็วสูง เมื่อเหวี่ยงจนได้ที่จะได้วัตถุดิบออกมา 2 ชนิด คือ บัตเตอร์มิลค์ เป็นส่วนของน้ำสีขาวขุ่น และเนย เป็นส่วนของก้อนไขมันสีเหลืองๆ ซึ่งก็คือเนยแท้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘เนยสด’ นั่นเอง | ||
milk | ||
นม หรือ น้ำนม (Milk) คือ ของเหลวสีขาวที่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กหรือสัตว์เกิดใหม่ ที่ผลิตออกมาจากเต้านมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อาทิเช่น มนุษย์ วัว แพะ แกะ ควาย ม้า ลา อูฐ จามรี เรีนเดียร์ ลามา แมวน้ำ และยังรวมไปถึงเครื่องดื่มที่ใช้แทนนมด้วย เช่น นมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว นมข้าวโพด นมแอลมอนด์เป็นต้น | ||
vanilla | ||
วานิลลา (Vanilla) เป็นกลิ่นที่ได้จากฝักของกล้วยไม้สกุล Vanilla ต้นกำเนิดจากเม็กซิโก ชื่อวานิลลามาจากคำในภาษาสเปนว่า “ไบย์นียา” (vainilla) ซึ่งแปลว่า ฝักเล็ก ๆ วานิลลามักถูกนำมาใช้แต่งกลิ่นในการทำอาหารประเภทของหวานและไอศกรีม | ||
apricot | ||
แอปริคอต การรับประทานแอปริคอตเป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ใช้รับประทานเป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยในการฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยได้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ป้องกันหวัด ช่วยรักษาระดับความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย (โพแทสเซียมและโซเดียม) | ||
apricot jam | ||
แอปริคอต การรับประทานแอปริคอตเป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ใช้รับประทานเป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยในการฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยได้เร็วยิ่งขึ้น ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ป้องกันหวัด ช่วยรักษาระดับความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย (โพแทสเซียมและโซเดียม) | ||
rum | ||
เหล้ารัม (Rum) เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลจากอ้อย โดยนำเอากากน้ำตาลหรือ Molasses ไปหมักและผลิตออกมาเป็นสุรา แหล่งผลิตเหล้ารัมส่วนใหญ่ของโลกนั้นมาจากแถบหมู่เกาะทะเลแคริบเบียนและบางพื้นที่ของประเทศในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ซึ่งปลูกอ้อยกันมาก |
Post Views:
408