เซียบัตต้า Ciabatta เซียบัตต้า Ciabatta
สูตรเซียบัตต้า
– สำหรับแป้งตั้งต้น
แป้งอุโนะ เนเชอร่า 10 กก.
น้ำ 5 ลิตร
ยีสต์เบียร์ 25 กรัม
– สำหรับแป้ง
น้ำตาล 100 กรัม
น้ำ 2 ลิตร
เกลือ 250 กรัม
วิธีทำเซียบัตต้า
เริ่มต้นด้วยการเตรียมแป้งเริ่มต้นโดยผสมแป้ง น้ำ และยีสต์ด้วยเครื่องผสมไฟฟ้าที่ความเร็วต่ำสุดเป็นเวลา 5 นาที
คลุมด้วยกระดาษฟอยล์พลาสติก แล้วปล่อยทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง (23 ถึง 25˚C) เป็นเวลา 16 ถึง 22 ชั่วโมง
ใส่น้ำตาลและเกลือ แล้วค่อยๆ เทน้ำลงในแป้งสตาร์ตเตอร์ นวดให้เข้ากันเป็นเวลา 5 นาทีที่ความเร็วต่ำสุด จากนั้นผสมต่ออีก 8 ถึง 10 นาทีด้วยความเร็วปานกลาง อุณหภูมิของแป้งสุดท้ายควรอยู่ระหว่าง 25 ถึง 27˚C ซึ่งสามารถทำได้โดยการปรับอุณหภูมิของน้ำ
วางแป้งลงในชามที่ทาน้ำมันไว้อย่างดีแล้วพักไว้ 30 ถึง 40 นาที
ย้ายแป้งไปยังพื้นผิวการทำงานที่มีแป้งอย่างดีแล้วหั่นเป็นชิ้น 300 กรัม ปล่อยให้ขึ้น 1 ชั่วโมงโดยไม่ต้องปิดฝา
วาง ciabattas บนถาดอบ อบที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลา 30 ถึง 35 นาที หล่อเลี้ยงเตาอบด้วยน้ำ ผ่านการอบได้ครึ่งทาง ให้เปิดวาล์วที่ปล่อยไอน้ำออกจากเตาอบ หรือปล่อยให้ประตูเตาอบแง้มเล็กน้อย
หากเพื่อนๆใช้เตาอบไฟฟ้า ในช่วงครึ่งแรกของกระบวนการอบ อุณหภูมิที่ด้านล่างควรสูงขึ้น จากนั้นเมื่อเพื่อนๆปล่อยไอน้ำ ให้ปรับอุณหภูมิเพื่อให้ความร้อนที่ด้านบนแรงขึ้น เพื่อให้เปลือกครัชกรอบและเป็นสีทอง ทานให้อร่อยนะคะ
VIDEO
ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/ciabatta/recipe
ประวัติเซียบัตต้า แม้ว่าจะดูเรียบง่ายและหยั่งรากลึกในแก่นแท้ของอาหารอิตาเลียน แต่ความจริงก็คือ ciabatta เป็นเป็นสูตรที่เพิ่งถูกคิดค้นได้ไม่นาน ได้รับการพัฒนาในปี 1982 ในภูมิภาค Veneto โดย Arnaldo Cavallari; อดีตนักแข่งแรลลี่หันมาทำขนมปัง ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเตือนเพื่อนชาวอิตาลีว่าชาวฝรั่งเศสไม่ใช่ประเทศเดียวที่รู้วิธีทำขนมปังคุณภาพดี
ชื่อ ciabatta แปลว่า รองเท้าแตะ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกัน Cavallari ปกป้องชื่อ ciabatta natura , ciabatta italiana และ ciabatta polesana และยินดีแบ่งปันความเชี่ยวชาญของเขากับคนทำขนมปังทั่วโลกผ่าน Accademia ของเขา del Pane (สถาบันขนมปัง) ด้วยเหตุนี้ เซียบัตต้าดั้งเดิมจึงมีจำหน่ายในแอฟริกา อเมริกาเหนือและใต้ ออสเตรเลีย และเอเชีย
วัตถุดิบเซียบัตต้า
yeast
ยีสต์ (Yeast) คือสิ่งมีชีวิตที่สามารถเติบโตได้โดยการย่อยอาหาร และยีสต์คือส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการหมัก (Fermentation) ดังนั้นเมื่อเราอบขนมปังที่มีการใส่ยีสต์เป็นส่วนผสมลงไป ยีสต์จะหมักน้ำตาลในแป้ง และปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา เนื่องจากแป้งมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์จึงไม่สามารถหลบหนีได้ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จึงทำให้เกิดการขยายตัว หรือทำให้แป้งพองตัวมีขนาดขยายใหญ่
sugar
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ
salt
เกลือ (Salt) หรือเกลือโซเดียมนั้นมีแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็อาจส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ดังนี้ ป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ,ป้องกันภาวะขาดน้ำ และป้องกันการขาดไอโอดีน แต่ต้องรับประทานในขนาดที่เหมาะสมต่อวันมิเช่นนั้นจะเดิดโทษต่อร่างกาย มากกว่าได้ประโยชน์
Post Views:
311
