โดบอสทอร์ต Dobos torte
โดบอสทอร์ต Dobos torte ถ้าคุณกำลังหาสูตรโดบอสทอร์ตแสนอร่อย แอดมินขอบอกว่า …บิงโก… มาถูกที่แล้วค่ะ ถูกต้องนะค้าบแอดมินชวนทำเมนูโดบอสทอร์ต โดบอสทอร์ต Dobos torte เค้กสปอนจ์ 5 ชั้นแบบบาง มีไส้ฟิลลิ่งเป็นช็อตโกแลตบัตเตอร์ครีมสูตรเด็ด แล้วด้านบนเค้ก จะมีชิ้นเค้กราดคาราเมล ตัดแบ่งเป็นแฉก ๆ ตกแต่งด้านบน ลองนึกดูเค้กสไตล์ฮังการี ซึ่งแอดมินลองทำมาแล้วอร่อยมากๆเลยค่ะ อยากแชร์สูตรเลย จะมีอะไรดีไปกว่านี้ โอ๊ย..อยากกินแล้วน้ำลายไหล มาทำโดบอสทอร์ตกันค่ะ อร่อยเด็ดเมนูระดับมิชิลินสตาร์ มาค่ะดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูโดบอสทอร์ตกันเลยค่ะ
สูตรโดบอสทอร์ต | ||
– ชั้นเค้ก | ||
เนย 50 กรัม (1.75 ออนซ์) แบบไม่ใส่เกลือ | ||
แป้ง 100 กรัม | ||
ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ ตามชอบ | ||
ไข่ 6 ฟอง แยกออก | ||
น้ำตาล 60 กรัม (2 ออนซ์) | ||
– สำหรับส่วนไส้ | ||
ช็อกโกแลต 250 กรัม (8.8 ออนซ์) | ||
ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ ตามชอบ | ||
เนย 250 กรัม (8.8 ออนซ์) | ||
ไข่ 4 ฟอง | ||
น้ำตาล 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | ||
คาราเมล | ||
น้ำตาล 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | ||
น้ำเปล่า 4 ช้อนโต๊ะ | ||
– การตกแต่ง | ||
วอลนัท 12 ลูก | ||
วอลนัท 100 กรัม (3.5 ออนซ์) หรือถั่วอื่นๆ บด |
วิธีทำโดบอสทอร์ต | ||
สำหรับชั้นเค้ก ขั้นแรกให้ใส่ไข่ขาวลงในชามหนึ่งและไข่แดงกับอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นใส่น้ำตาลครึ่งหนึ่งลงในชามที่มีไข่ขาว และอีกครึ่งหนึ่งลงในชามที่มีไข่แดง | ||
ตีไข่ขาวจนตั้งยอดแข็ง ตีไข่แดงและน้ำตาลจนขึ้นฟูและเป็นฟอง ร่อนแป้งและผงฟู ถ้าต้องการ ลงในชามด้วยส่วนผสมของไข่แดง แล้วคนให้เข้ากัน ค่อยๆ ตะล่อมไข่ขาวที่ตีแล้วลงใน (เป็นชุด) ไข่แดงโดยระวังไม่ให้อากาศเสีย | ||
หั่นกระดาษรองอบ วงกลมขนาด 22 ซม. (8.6 นิ้ว) หกวง วางกระดาษรองอบ ลงในถาดขนาดเดียวกัน | ||
ใส่แป้งชิ้นที่หกลงไปตรงกลางของถาดแต่ละถาด แล้วใช้ไม้พายแบบออฟเซ็ต เกลี่ยให้เป็นวงกลมขนาด 19 ซม. (7.5 นิ้ว) อบเป็นก้อนในเตาอบ 180°C/350°F นาน 10-15 นาที หรือจนขอบเป็นสีน้ำตาลอ่อน | ||
สำหรับการเติม ขั้นแรก ให้ละลายช็อกโกแลตในหม้อต้มสองชั้น จากนั้น นำเนยเป็นก้อน ใส่ลงในชามผสม แล้วตีจนเป็นครีมและซีด | ||
ตีไข่และน้ำตาลในหม้อสองชั้นจนตั้งยอดอ่อนและอุ่น นำออกจากเตาแล้วตีจนเย็น | ||
ผสมช็อกโกแลตที่ละลายแล้วลงในเนยครีม สุดท้ายตีไข่ที่ตีจนเนียนไว้ เก็บในตู้เย็นจนกว่าจะพร้อมใช้งาน | ||
สำหรับชั้นคาราเมล ให้เติมน้ำและน้ำตาลลงในหม้อ ปรุงอาหารโดยไม่ต้องคนจนเดือดและสีเหลืองอำพัน บางครั้งให้หมุนกระทะแต่อย่าคน | ||
เมื่อคาราเมลเสร็จแล้ว ให้เทลงบนเนื้อสปันจ์เค้กชั้นหนึ่งที่เพื่อนๆเก็บไว้ใช้ทีหลังทันที | ||
ใช้มีดทาเนย ในขณะที่คาราเมลยังร้อนอยู่ ให้ทำเครื่องหมายอย่างรวดเร็วในคาราเมลที่เพื่อนๆจะหั่นในภายหลัง จุดมุ่งหมายคือการหั่นมันเป็นเวดจ์ 16 ชิ้น ดังนั้นให้ทำเครื่องหมายตามนั้น ดังนั้นให้หั่นเป็นเวดจ์ 16 ชิ้นทันที | ||
รอจนกระทั่งเย็นสนิทและแข็งตัว จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเพื่อแยกเสี้ยว | ||
ในการประกอบ ขั้นแรก ให้เกลี่ยเนื้อสปันจ์เค้กสี่ชั้นแต่ละชั้นด้วยไส้ 1/6 จากนั้นวางซ้อนและเคลือบส่วนบนของเค้กด้วย 1/6 ของไส้ หั่นขอบให้ได้รูปทรงกลมสมบูรณ์ | ||
วางเค้กลงบนถาดรองเค้ก เคลือบด้านข้างของ torte ด้วยไส้ที่เหลือ จากนั้นกดวอลนัทบดที่ด้านข้างของเค้ก | ||
จัดเรียงวอลนัท 16 ส่วนรอบขอบของ torte วางลิ่มคาราเมลแต่ละอันไว้ด้านบนของวอลนัทครึ่งหนึ่ง | ||
แช่เย็นเค้กสักสองสามชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ ทานให้อร่อยนะคะ |
ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/dobos-torte/recipe/classic-dobos-torte
วัตถุดิบโดบอสทอร์ต | ||
salt | ||
เกลือ (Salt) หรือเกลือโซเดียมนั้นมีแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็อาจส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ดังนี้ ป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ,ป้องกันภาวะขาดน้ำ และป้องกันการขาดไอโอดีน แต่ต้องรับประทานในขนาดที่เหมาะสมต่อวันมิเช่นนั้นจะเดิดโทษต่อร่างกาย มากกว่าได้ประโยชน์ | ||
butter | ||
เนย (Butter) เป็นไขมันสัตว์ที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการแยกออกมาจากน้ำนมหรือครีม ส่วนใหญ่จะใช้น้ำนมจากสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ หรือแกะ กระบวนการผลิตเนย เริ่มจากการนำน้ำนมไปเข้าเครื่องจักรเพื่อปั่นหรือเหวี่ยงด้วยความเร็วสูง เมื่อเหวี่ยงจนได้ที่จะได้วัตถุดิบออกมา 2 ชนิด คือ บัตเตอร์มิลค์ เป็นส่วนของน้ำสีขาวขุ่น และเนย เป็นส่วนของก้อนไขมันสีเหลืองๆ ซึ่งก็คือเนยแท้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘เนยสด’ นั่นเอง | ||
baking powder | ||
เบคกิ้งพาวเดอร์ หรือ ผงฟู เป็นส่วนผสมแห้งของสารเคมีคือ เบคกิ้งโซดา+กรดอ่อนๆ + แป้ง เป็นตัวที่ทำให้ขนมของเรานั้นฟูขึ้นเช่นกัน เราจะเห็นว่าในส่วนผสมของผงฟูนั้นมีกรดอ่อนๆ ผสมอยู่แล้วเมื่อเติมน้ำลงไป กรดอ่อนและด่างอ่อนๆ จากเบคกิ้งโซดาก็จะทำปฏิกริยาเกิดฟองแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นมา ด้วยความที่มีกรดเป็นส่วนผสมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอาศัยกรดจากวัตถุดิบอื่นๆ ของอาหาร ขนมปังที่ทำมาจากส่วนผสมของสารเคมีแบบแห้งว่า Quick bread ยกตัวอย่างเช่น แพนเค้ก มัฟฟิน หรือบิสกิต เป็นต้น | ||
eggs | ||
ไข่ (Eggs) เป็นหนึ่งในอาหารโปรตีนสูง ใน 1 ฟองจะมีโปรตีน 6 กรัม จึงถือเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งผู้ที่ต้องการมีกล้ามเนื้อทั้งหลายต่างเลือกรับประทาน เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยในการเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เนื่องจากในไข่มีสารโคลีน (Choline) มากถึง 20% เป็นปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ที่เมื่อไปรวมกับกรดไขมันฟอสโฟลิพิด (Phospholipid) จะเกิดเป็นสารเลซิทิน (Lecithin) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมอง จึงเชื่อกันว่าไข่อาจช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และช่วยให้ระบบประสาทแข็งแรงได้ | ||
sugar | ||
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ | ||
chocolate | ||
ช็อกโกแลต (Chocolate) คือผลิตผลที่ได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ไอศครีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นรสชาติที่ถูกใจคนมากที่สุดในโลก | ||
walnuts | ||
วอลนัท (Walnuts) อาหารสุขภาพที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เมลาโทนิน วิตามินอี โอเมก้า 3 และสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย แต่มีโอกาสทำให้เกิดอาการแพ้อาหาร จึงควรรับประทานอย่างระมัดระวัง โดยสายพันธุ์ที่นิยมรับประทานในท้องตลาดมี 4 สายพันธุ์ ได้แก่ Persian Black walnut Japanese walnut หรือ Butternut |
Post Views:
704