เค้กช็อคโกแลตเยอรมัน German Chocolate Cake

image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF


เค้กช็อคโกแลตเยอรมัน

เค้กช็อคโกแลตเยอรมัน German Chocolate Cake

เค้กช็อคโกแลตเยอรมัน German Chocolate Cake หากเพื่อนๆ กำลังมองหาเมนูเค้กช็อคโกแลเยอรมันแสนอร่อย แอดซูเฟล่ว่าโป๊ะเช๊ะเลยค่ะ สูตรนี้คือสูตรของเพื่อนๆ ถูกต้องนะค้าบแอดซูเฟล่นำเสนอเมนูเค้กช็อคโกแลเยอรมัน คิดดูสิสไตล์สไตล์อเมริกัน ซึ่งแอดซูเฟล่ลองทำมาแล้วอร่อยมากๆเลยค่ะ อยากแชร์สูตรเลย ไปลองทำของอร่อยๆ กินกันค่ะ โอ๊ย..อยากกินแล้วน้ำลายไหล มาทำเค้กช็อคโกแลเยอรมันเจ้าค่ะ อร่อยเด็ดเมนูประจำตัว มาค่ะดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูเค้กช็อคโกแลเยอรมันกันเลยค่ะ


สูตรเค้กช็อคโกตแลเยอรมัน
ช็อกโกแลตหวานของเยอรมันของ Baker 1 แพ็ค
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
ไข่ 4 ฟอง แยกออก
แป้ง 2 ถ้วย
เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
เนยจืด 1 ถ้วยตวง
น้ำตาล 2 ถ้วย
วนิลา 1 ช้อนชา
บัตเตอร์มิลค์ 1 ถ้วย
– สำหรับไส้มะพร้าวและถั่วพีแคน
ไข่แดง 4 ฟอง
นมข้นจืด 12 ออนซ์
วนิลา 1 – 1/2 ช้อนชา
น้ำตาล 1 – 1/2 ถ้วย
เนยหรือมาการีน 3/4 ถ้วย
มะพร้าว 1 แพ็ค (7 ออนซ์หรือ 2-2/3 ถ้วย) แบบหวาน
พีแคนสับ 1-1 / 2 ถ้วย

 

วิธีทำเค้กช็อคโกแลเยอรมัน
นำพิมพ์กลมขนาด 9 นิ้ว จำนวน 3 ใบ คลุมด้วยกระดาษรองอบและจารบี เปิดเตาอบที่ 350˚F
ละลายช็อกโกแลตด้วยน้ำในเตาไมโครเวฟ
ในชามแรก ผสมไข่ขาวจนตั้งยอดแข็ง
รวมส่วนผสมแห้ง – แป้ง เบกกิ้งโซดา และเกลือ – ในชามที่สอง
ในชามผสมที่สามผสมเนยและน้ำตาล ใส่ไข่แดงทีละฟอง ย้ายช็อกโกแลตละลายและวานิลลาลงในส่วนผสมนี้ จากนั้นใส่ส่วนผสมของส่วนผสมแห้งทีละน้อยแล้วสลับกับบัตเตอร์มิลค์ ผสมผสานกันอย่างลงตัว
ค่อยๆ ตะล่อมส่วนผสมของไข่ขาวลงไป เทลงในถาดอบสามใบที่เตรียมไว้ นำเข้าอบ 30 นาทีและเย็น 15 นาทีในกระทะจากนั้นบนตะแกรง
ขณะที่เค้กกำลังเย็นตัว ให้เตรียมไส้มะพร้าวพีแคนและฟรอสติ้ง ตีไข่แดง นมข้นจืด และวานิลลาลงในหม้อใบใหญ่ ถัดไปใส่น้ำตาลและเนยแล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ปรุงเป็นเวลา 12 นาที คนตลอดเวลาจนข้นและเป็นสีน้ำตาลทอง ผสมมะพร้าวและถั่วและเย็น
ใช้ไส้ในแต่ละชั้นและประกอบเค้ก ตกแต่งด้านบนของเค้กด้วยไส้ที่เหลือ ทานให้อร่อยนะคะ



baanbakery banner

ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/german-chocolate-cake/recipe

ประวัติเค้กช็อคโกแลตเยอรมัน

แม้ว่าชื่อของมันอาจทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเค้กช็อกโกแลตเยอรมันมีต้นกำเนิดในเยอรมนี แต่จริงๆแล้วมันเป็นเค้กของชาวอเมริกัน ในการบอกเล่าเรื่องราว เราต้องย้อนกลับไปในปี 1780 เมื่อ Dr. James Baker เปิดโรงงานช็อกโกแลตแห่งแรกในอเมริกา เจ็ดสิบสองปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2395 ชายคนหนึ่งชื่อซามูเอล เยอรมัน ซึ่งเป็นลูกจ้างของโรงงานเบเกอร์ได้คิดค้นช็อกโกแลตอบกึ่งหวานที่อ่อนโยนซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามเขา — Sweet Baking Chocolate ของเยอรมัน. แม้ว่าแหล่งข่าวส่วนใหญ่จะอ้างว่าสูตรสำหรับเค้กช็อกโกแลตเยอรมัน (ซึ่งทำหายไปในขณะเดียวกัน ทำให้เกิดความยุ่งยากเล็กน้อย) เกิดขึ้นในปี 1957 แต่มีสองเวอร์ชันก่อนหน้า สูตรสำหรับเค้กช็อกโกแลตเยอรมันปรากฏครั้งแรกในปี พ.ศ. 2433 ในหนังสือ The New Practical Housekeeping แต่นอกจากชื่อแล้ว ยังไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเวอร์ชันปัจจุบันอีกด้วย ในทางกลับกัน เว็บไซต์ Cook’s Info ระบุว่าสูตรแรกปรากฏในนิวเจอร์ซีย์ในปี ค.ศ. 1905 ภายใต้ชื่อ Novel Chocolate Cake แต่มีส่วนผสมและขั้นตอนการเตรียมคล้ายกัน . เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษแล้วที่เค้กดูเหมือนจะถูกลืม และจากนั้นในปี 1957 เค้กก็เริ่มปรากฏในนิตยสารการทำอาหารหลายฉบับ ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐเท็กซัส และทั่วทั้งภาคตะวันตกเฉียงใต้ กล่าวในภาษาวันนี้ว่ากลายเป็นไวรัส และเนื่องจากสูตรอาหารส่วนใหญ่ระบุว่าช็อกโกแลตหวานของเยอรมันเป็นหนึ่งในส่วนผสมหลัก ยอดขายผลิตภัณฑ์นี้จึงพุ่งสูงขึ้น ในปี 2500 พวกเขาเพิ่มขึ้น 73 เปอร์เซ็นต์ และถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้ ของหวานอาจไม่ได้รับความนิยมเหมือนในทศวรรษ 1960 แต่ก็ยังคงเป็นขนมแบบคลาสสิกของอเมริกา มีขายในเบเกอรี่มากมายและเตรียมในโอกาสพิเศษ

วัตถุดิบเค้กช็อคโกแลตเยอรมัน
chocolate
ช็อกโกแลต (Chocolate) คือผลิตผลที่ได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ไอศครีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นรสชาติที่ถูกใจคนมากที่สุดในโลก
eggs
ไข่ (Eggs) เป็นหนึ่งในอาหารโปรตีนสูง ใน 1 ฟองจะมีโปรตีน 6 กรัม จึงถือเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งผู้ที่ต้องการมีกล้ามเนื้อทั้งหลายต่างเลือกรับประทาน เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยในการเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เนื่องจากในไข่มีสารโคลีน (Choline) มากถึง 20% เป็นปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ที่เมื่อไปรวมกับกรดไขมันฟอสโฟลิพิด (Phospholipid) จะเกิดเป็นสารเลซิทิน (Lecithin) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมอง จึงเชื่อกันว่าไข่อาจช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และช่วยให้ระบบประสาทแข็งแรงได้
baking soda
เบคกิ้งโซดา (Baking soda) เป็นผงสีขาว มีรสเค็มเล็กน้อย และมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ บางก็เรียกว่าโซดาทำขนม เบคกิ้งโซดาไม่ใช่ผงฟู แต่เบคกิ้งโซดาเป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งที่มีอยู่ในผงฟู หลายคนอาจสับสนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวเดียวกัน เบคกิ้งโซดาสำหรับใช้ทำขนมอบต่างๆ เพราะเมื่อเบคกิ้งโซดาทำปฏิกริยากับน้ำหรือกรดอ่อนๆ ที่มาจากส่วนผสมอื่นๆของอาหาร เช่น แป้งทำขนม, ช็อคโกแลต, น้ำตาล ซึ่งมีความเป็นกรดก็จะทำปฏิกริยากันกัน ให้ฟองแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นมา ทำให้เนื้อขนมขยายขนาดหรือฟูขึ้นนั่นเอง
salt
เกลือ (Salt) หรือเกลือโซเดียมนั้นมีแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็อาจส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ดังนี้ ป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ,ป้องกันภาวะขาดน้ำ และป้องกันการขาดไอโอดีน แต่ต้องรับประทานในขนาดที่เหมาะสมต่อวันมิเช่นนั้นจะเดิดโทษต่อร่างกาย มากกว่าได้ประโยชน์
butter
เนย (Butter) เป็นไขมันสัตว์ที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการแยกออกมาจากน้ำนมหรือครีม ส่วนใหญ่จะใช้น้ำนมจากสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ หรือแกะ กระบวนการผลิตเนย เริ่มจากการนำน้ำนมไปเข้าเครื่องจักรเพื่อปั่นหรือเหวี่ยงด้วยความเร็วสูง เมื่อเหวี่ยงจนได้ที่จะได้วัตถุดิบออกมา 2 ชนิด คือ บัตเตอร์มิลค์ เป็นส่วนของน้ำสีขาวขุ่น และเนย เป็นส่วนของก้อนไขมันสีเหลืองๆ ซึ่งก็คือเนยแท้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘เนยสด’ นั่นเอง
sugar
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ
vanilla
วานิลลา (Vanilla) เป็นกลิ่นที่ได้จากฝักของกล้วยไม้สกุล Vanilla ต้นกำเนิดจากเม็กซิโก ชื่อวานิลลามาจากคำในภาษาสเปนว่า “ไบย์นียา” (vainilla) ซึ่งแปลว่า ฝักเล็ก ๆ วานิลลามักถูกนำมาใช้แต่งกลิ่นในการทำอาหารประเภทของหวานและไอศกรีม
milk
นม หรือ น้ำนม (Milk) คือ ของเหลวสีขาวที่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กหรือสัตว์เกิดใหม่ ที่ผลิตออกมาจากเต้านมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อาทิเช่น มนุษย์ วัว แพะ แกะ ควาย ม้า ลา อูฐ จามรี เรีนเดียร์ ลามา แมวน้ำ และยังรวมไปถึงเครื่องดื่มที่ใช้แทนนมด้วย เช่น นมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว นมข้าวโพด นมแอลมอนด์เป็นต้น
buttermilk
บัตเตอร์มิลค์ (Buttermilk) เป็นของเหลวที่ได้จาก ตีครีมเพื่อเปลี่ยนเป็นเนย. ง่ายๆแค่นั้นเอง เนื้อสัมผัสคล้ายกับนมพร่องมันเนยและรสชาติของมันมีรสขม ในการทำขนมจะใช้เพราะมันเพิ่มความ ความเป็นฟอง ของมวลชนและให้ รสชาติ เหมาะสำหรับสโคนและคัพเค้ก

 

image_pdfดาวน์โหลดไฟล์ PDF