บอสตันพายครีม Boston Cream Pie บอสตันพายครีม Boston Cream Pie
สูตรบอสตันพายครีม
– สำหรับครีมเพสตรี้
เนย 1 ช้อนโต๊ะ
นม 2 ถ้วย
ครีมเนื้อบางเบา 2 ถ้วย
น้ำตาล 1/2 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 3 1/2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ 6 ฟอง
เหล้ารัมดำ 1 ช้อนชา
– สำหรับส่วนสปันจ์เค้ก
ไข่ 7 ฟอง
น้ำตาล 1 ถ้วย
แป้ง 1 ถ้วย
เนย 2 ช้อนโต๊ะ ละลาย
สำหรับไอซิ่ง
5 ออนซ์ fondant สำหรับไอซิ่งสีขาว
6 ออนซ์ fondant สำหรับช็อกโกแลตไอซิ่ง
ช็อกโกแลตกึ่งหวาน 3 ออนซ์ ละลาย
อัลมอนด์สับ 1/2 ถ้วยตวง ปิ้งแล้ว
วิธีทำบอสตันพายครีม
ตั้งเนย นม และครีมเบา ๆ บนไฟร้อนปานกลางจนเดือด จากนั้นนำออกจากเตา ผสมน้ำตาลและแป้งข้าวโพดในชามผสม จากนั้นใส่ไข่ลงไป แล้วตีประมาณ 5 นาที จยเข้ากันดีและเป็นฟอง ค่อยๆตีไข่ลงในนมร้อน นำกระทะกลับคืนบนเตา จากนั้นในขณะที่ผสมอย่างต่อเนื่อง ให้นำส่วนผสมไปต้ม ต้มสักครู่จนข้น
เทครีมลงในชามแล้วคลุมด้วยฟิล์มยึดเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวก่อตัวบนผิว เก็บในตู้เย็นสองสามชั่วโมง เมื่อพร้อมใช้ ให้ใส่เหล้ารัมลงไป
สำหรับไอซิ่งช็อคโกแลตฟองดอง ขั้นแรกให้เช็ดถาดอบที่เพื่อนๆจะเทน้ำเชื่อมด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ จากนั้นนำส่วนผสมของน้ำ น้ำตาล และครีมออฟทาร์ทาร์ไปต้มบนไฟร้อนปานกลาง เมื่อเดือดแล้ว ปิดฝาและต้มต่ออีก 3 นาที ถอดฝาออก และจุ่มแปรงขนมลงในน้ำเย็น ปัดด้านข้างของกระทะลง ต้มต่อไปอีก 5 นาทีจนขึ้นเวทีซอฟต์บอล (238°F) ถอดความร้อนและเทลงบนถาดอบที่ชื้น ปล่อยให้น้ำเชื่อมเย็นจนอุ่นประมาณ 10 นาที
ปาดน้ำเชื่อมด้วยไม้พายโลหะ พลิกกลับด้านจนข้นและขาวขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น ให้เริ่มนวดส่วนผสมด้วยมือจนตั้งยอด ใส่ในภาชนะที่มีอากาศถ่ายเทและเก็บไว้ในตู้เย็นสองสามชั่วโมง
ในการทำเค้กเนื้อสปันจ์เค้ก ก่อนอื่นให้ตั้งเตาอบให้ร้อนที่ 350 ° F แล้วทากระทะเค้กที่มีด้านที่ถอดออกได้เล็กน้อย แยกไข่แดงออกจากไข่ขาว แล้วใส่ลงในชามแยกพร้อมกับน้ำตาล 1/2 ถ้วยตวง ตีไข่ขาวให้ตั้งยอดอ่อน แล้วไข่แดงจนซีดและเป็นฟอง (ประมาณ 5 นาที) จากนั้นตะล่อมไข่ขาวลงในไข่แดง ต่อไป ร่อนแป้งเป็นก้อน ตามด้วยเนยละลาย เทแป้งลงในพิมพ์ แล้วนำเข้าเตาอบ อบประมาณ 18-20 นาที เค้กจะอบเมื่อไม้จิ้มฟันสอดเข้าไปตรงกลางเค้กออกมาสะอาด
เมื่อเค้กเย็นตัวลงที่อุณหภูมิห้อง ขั้นแรกให้หั่นส่วนบนของเค้กออกให้อยู่ในระดับ จากนั้นจึงผ่าครึ่งเค้ก ทำสองชั้น ปาดชั้นหนึ่งด้วยเพสตรี้ครีม แล้ววางอีกชั้นหนึ่งไว้ด้านบน แล้วเกลี่ยด้านข้างของเค้กด้วยเพสตรี้ครีม
ในการทำช็อกโกแลตฟองดอง ขั้นแรก ให้อุ่นฟองดองสีขาวบนน้ำเดือดจนที่อุณหภูมิ 105 องศาฟาเรนไฮต์ จากนั้นใส่ช็อกโกแลตที่เพื่อนๆเคยละลายในโถสองชั้น หากจำเป็น ให้เติมน้ำเล็กน้อยจนกระจายสม่ำเสมอ
เพื่อให้ได้ฟองดองสีขาว ให้อุ่นฟองดองสีขาวบนน้ำเดือดจนที่อุณหภูมิ 105 องศาฟาเรนไฮต์ หากจำเป็น ให้เจือจางด้วยน้ำ ย้ายย้ายไปยังถุงบีบที่มีปลายขนาด 1/8 นิ้ว
เคลือบด้านบนของเค้กด้วยชั้นบาง ๆ ของช็อกโกแลต fondant icing ของช็อกโกแลตจากนั้นให้บีบวงกลมเกลียวที่มีศูนย์กลางเป็นวงกลมของ fondant icing สีขาวที่ด้านบนของเค้กโดยเริ่มจากตรงกลางของเค้ก ทำคะแนนในเส้นสีขาวด้วยปลายมีด โดยเริ่มจากตรงกลางเค้กแล้วลากไปจนสุดขอบ
กดอัลมอนด์ลงไปที่ด้านข้างของเค้กเป็นอันเสร็จ เสิร์ฟที่อุณหภูมิห้อง ทานให้อร่อยนะคะ
VIDEO
ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/boston-cream-pie/recipe
ประวัติบอสตันพายครีม เดิมชื่อ Parker House Chocolate Cream Pie บอสตันครีมพายเป็นการสร้างสรรค์ของ M. Sanzian เชฟชาวอาร์เมเนีย-ฝรั่งเศสที่ทำงานที่โรงแรม Parker House (ปัจจุบันคือ Omni Parker House) ในบอสตัน แม้ว่าในทางเทคนิคแล้วจะไม่ใช่พาย แต่เพราะว่าแต่เดิมอบในเปลือกพาย สองชั้นสำหรับชั้นสปองจ์เค้กสองชั้น และเนื่องจากคำว่า ถาดเค้ก และ ถาดพาย ในขณะนั้นใช้สลับกัน ของหวานจึงถูกตั้งชื่อว่าพายและไม่ใช่ เค้ก. บอสตันครีมพายรวมอยู่ในเมนูของโรงแรมตั้งแต่เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2399 และเมื่อเวลาผ่านไปก็ได้รับความนิยมอย่างมากจนในปี พ.ศ. 2501 เบ็ตตี้คร็อกเกอร์ได้ผลิตส่วนผสมพายครีมบอสตันชนิดบรรจุกล่อง วันนี้บอสตันครีมพายเป็นของหวานอย่างเป็นทางการของรัฐแมสซาชูเซตส์
วัตถุดิบบอสตันพายครีม
butter
เนย (Butter) เป็นไขมันสัตว์ที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการแยกออกมาจากน้ำนมหรือครีม ส่วนใหญ่จะใช้น้ำนมจากสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ หรือแกะ กระบวนการผลิตเนย เริ่มจากการนำน้ำนมไปเข้าเครื่องจักรเพื่อปั่นหรือเหวี่ยงด้วยความเร็วสูง เมื่อเหวี่ยงจนได้ที่จะได้วัตถุดิบออกมา 2 ชนิด คือ บัตเตอร์มิลค์ เป็นส่วนของน้ำสีขาวขุ่น และเนย เป็นส่วนของก้อนไขมันสีเหลืองๆ ซึ่งก็คือเนยแท้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘เนยสด’ นั่นเอง
milk
นม หรือ น้ำนม (Milk) คือ ของเหลวสีขาวที่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กหรือสัตว์เกิดใหม่ ที่ผลิตออกมาจากเต้านมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อาทิเช่น มนุษย์ วัว แพะ แกะ ควาย ม้า ลา อูฐ จามรี เรีนเดียร์ ลามา แมวน้ำ และยังรวมไปถึงเครื่องดื่มที่ใช้แทนนมด้วย เช่น นมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว นมข้าวโพด นมแอลมอนด์เป็นต้น
sugar
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ
corn
ข้าวโพด (Corn) ธัญพืชรสหวานอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี แร่ธาตุ เส้นใยอาหาร และเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ เชื่อกันว่าการรับประทานข้าวโพดมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ เช่น ช่วยบำรุงสายตา ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้ เป็นต้น
eggs
ไข่ (Eggs) เป็นหนึ่งในอาหารโปรตีนสูง ใน 1 ฟองจะมีโปรตีน 6 กรัม จึงถือเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี ซึ่งผู้ที่ต้องการมีกล้ามเนื้อทั้งหลายต่างเลือกรับประทาน เพราะเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ดี เนื่องจากโปรตีนมีส่วนช่วยในการเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เนื่องจากในไข่มีสารโคลีน (Choline) มากถึง 20% เป็นปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ที่เมื่อไปรวมกับกรดไขมันฟอสโฟลิพิด (Phospholipid) จะเกิดเป็นสารเลซิทิน (Lecithin) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมอง จึงเชื่อกันว่าไข่อาจช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง และช่วยให้ระบบประสาทแข็งแรงได้
rum
เหล้ารัม (Rum) เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลจากอ้อย โดยนำเอากากน้ำตาลหรือ Molasses ไปหมักและผลิตออกมาเป็นสุรา แหล่งผลิตเหล้ารัมส่วนใหญ่ของโลกนั้นมาจากแถบหมู่เกาะทะเลแคริบเบียนและบางพื้นที่ของประเทศในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ซึ่งปลูกอ้อยกันมาก
chocolate
ช็อกโกแลต (Chocolate) คือผลิตผลที่ได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ไอศครีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นรสชาติที่ถูกใจคนมากที่สุดในโลก
almond
ถั่วอัลมอนด์ เป็นถั่วที่มีคุณค่าทางสารอาหารต่อร่างกายสูงกว่าถั่วชนิดอื่น ๆ มาก และยังติด 1 ใน 10 ของสุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพอีกด้วย ถ้าคุณได้เห็นคุณค่าทางโภชนาการของถั่วชนิดนี้เทียบกับผักและผลไม้ชนิดอื่น ๆ แล้วคุณจะต้องตกใจ เพราะมีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้น และแถมยังมีปริมาณที่มากเสียด้วย
Post Views:
382
