
เค้กวานิลลาคัสตาร์ด Krémes
เค้กวานิลลาคัสตาร์ด Krémes ไม่มีอะไรที่ทำให้เราฟินได้มากไปกว่าการได้ทานเมนูเด็ดสุดอร่อย จากสูตรเด็ดและเราทำเอง แอดซูเฟล่มาชวนทำ เค้กวานิลลาคัสตาร์ดเค้กสไตล์ฮังการี ซึ่งแอดซูเฟล่ลองทำมาแล้วอร่อยมากๆเลยค่ะ อยากแชร์สูตรเลย เค้กวานิลลาคัสตาร์ด ดัดแปลงจากบล็อกการทำอาหารยอดนิยม zsuzsainthekitchen เนื้อเค้กผิวกรุบกรอบ ด้านในเป็นคัสตาร์ดวานิลลา หวานหอมอร่อย เหมาะกับน้ำชายามบ่ายสุดๆลองนึกดู ไปเปิดตำนานความอร่อยกันค่ะ แค่คิดก็อยากกินแล้ว มาทำเค้กวานิลลาคัสตาร์ดกันเลยค่ะ อร่อยเด็ดเมนูประจำตัว มาค่ะดาวน์โหลดสูตร มือขวาควงตะหลิว มือซ้ายจับกระทะ สาวเท้าก้าวเข้าครัวไปกับเมนูเค้กวานิลลาคัสตาร์ดกันเลยค่ะ
[bws_pdfprint display=’pdf’]
สูตรเค้กวานิลลาคัสตาร์ด |
– นมผสมวานิลลา |
นม 2 ถ้วย |
วานิลลาบีน 1 ฝัก |
– FLAKY PASTRY |
แป้ง 1 1/2 ถ้วย + 1 ช้อนโต๊ะ |
มาการีน 3/4 ถ้วย |
เกลือ 1 หยิบมือ |
น้ำเย็น 4 ช้อนโต๊ะ |
น้ำส้มสายชู 4 ช้อนชา |
– คัสตาร์ด |
ไข่แดง 8 ฟอง |
น้ำตาล 1/2 ถ้วย |
แป้ง 1/3 ถ้วย + 1 ช้อนโต๊ะ |
2 แพ็คเกจ (2 ช้อนโต๊ะ) น้ำตาลวานิลลา |
เจลาติน 3 ห่อ (21 กรัม) |
เนยจืด 1/4 ถ้วย |
ไข่ขาว 8 ฟอง |
น้ำตาล 1/2 ถ้วย |
น้ำมะนาวสด 1 ช้อนชา |
– สำหรับโรยหน้า |
น้ำตาลทรายป่น 1/4 ถ้วย |
วิธีทำเค้กวานิลลาคัสตาร์ด |
เริ่มต้นด้วยการทำนมผสมวานิลลา ใส่นมลงในกระทะขนาดเล็กแล้วตั้งไฟบนไฟอ่อนถึงปานกลาง นำวานิลลาบีน ขูดเมล็ดลงไปในนม แล้วคลุกเคล้าฝักถั่วลงไปในนมด้วย ปิดฝาหม้อ ยกลงจากเตา ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง |
ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมขนมแป้งพาย ใส่มาการีนแช่เย็นและแป้งลงในชามผสมแล้วผสมให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใส่เกลือ น้ำ และน้ำส้มสายชู แล้วนวดแป้งให้เป็นก้อน |
เทแป้งให้ทั่วพื้นผิวแล้วคลึงแป้งเป็นสี่เหลี่ยมบาง ๆ แบ่งออกเป็น 4 ส่วน จากนั้นแผ่ออกแต่ละส่วนแล้ววางซ้อนกัน ใส่ในตู้เย็นเป็นเวลา 20 นาที |
ในขณะเดียวกัน เปิดเตาอบที่ 400 องศาฟาเรนไฮต์ |
หั่นแป้งแช่เย็นลงครึ่งหนึ่ง นำครึ่งแรกมาคลึงเป็นชิ้นบาง ๆ – นี่จะเป็นส่วนบนของครีมของเพื่อนๆ ตอนนี้พับแป้งครึ่งหนึ่งแล้วย้ายลงในถาดอบขนาด 9×13 นิ้ว คลี่แป้งออกและจัดเรียง ให้ไปครึ่งทางด้านข้างของถาดอบ และพับลึกลงไปที่ด้านล่าง ทำได้เพราะแป้งจะหดตัวระหว่างการอบ |
นำเข้าอบประมาณ 14 ถึง 18 นาทีจนแป้งเปลี่ยนเป็นสีทอง แต่ระวังอย่าให้ไหม้ หั่นเป็นชิ้นเท่าๆ กัน 12 ชิ้นทันที แล้ววางพักไว้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเพื่อนๆจัดวางเหมือนอยู่ในถาดอบ |
ทำซ้ำขั้นตอนกับครึ่งหลังของแป้ง ซึ่งจะทำให้ด้านล่างของเครมของเพื่อนๆ |
ตอนนี้ทำคัสตาร์ด ตีไข่แดงกับน้ำตาล 1/2 ถ้วยตวงในชามขนาดกลางจนฟู – ประมาณ 8 นาที |
ผสมแป้งเจลาตินและน้ำตาลวานิลลาในชามแยก เพิ่มลงในส่วนผสมไข่แดงค่อยๆและผสมจนเนียน |
นำฝักวานิลลาออกจากนมผสมวานิลลา แล้วค่อยๆ เทนมลงในชามที่มีส่วนผสมของคัสตาร์ด |
ย้ายส่วนผสมคัสตาร์ดลงในกระทะขนาดกลางแล้ววางบนไฟร้อนปานกลาง คนอย่างต่อเนื่องจนอุณหภูมิถึง 176°F (80°C) ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิในการปรุงอาหารเพื่อกำหนดอุณหภูมิ นำคัสตาร์ดออกจากเตา ใส่เนย แล้วพักไว้ |
ในระหว่างนี้ ให้ตีไข่ขาวด้วยเครื่องผสมไฟฟ้าจนตั้งยอดอ่อน ใส่น้ำมะนาวและน้ำตาลลงไป แล้วผสมต่อจนแข็งและเป็นมันเงา ค่อยๆพับคัสตาร์ดลงในไข่ขาวสโนว์ |
เทคัสตาร์ดลงบนชั้นล่างของแป้งพาย แล้ววางถาดอบลงในตู้เย็น เมื่อคัสตาร์ดเริ่มเซ็ตตัว ให้จัดวางขนมสี่เหลี่ยมด้านบน ปล่อยให้เครมเย็นสนิท |
ก่อนเสิร์ฟเครม ให้หั่นเป็นชิ้นๆ แล้วโรยผงน้ำตาลให้ทั่ว ทานให้อร่อยนะคะ |
[bws_pdfprint display=’pdf’]

ขอขอบคุณข้อมูล – https://www.tasteatlas.com/kremes/recipe
ประวัติเค้กวานิลลาคัสตาร์ด
นักประวัติศาสตร์ด้านอาหารส่วนใหญ่เชื่อว่าเครเมสถูกคิดค้นขึ้นในศตวรรษที่ 16 แต่รูปแบบที่เรารู้จักในปัจจุบันนี้พัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ 19 ตำราอาหารในปี 1840 โดย István Czifra แนะนำให้ทำคัสตาร์ดด้วยครีม แป้ง ไข่แดง วานิลลา น้ำตาล และเนย แล้ววางระหว่างแป้งสองชั้น นักเขียนอีกคนหนึ่งจากศตวรรษที่ 19 Dobos C. József เลือกใช้คัสตาร์ดที่หนากว่าซึ่งได้รับอิทธิพลจากอาหารฝรั่งเศส ในขณะที่เพื่อนร่วมงานของเขา Ágnes Zilahy บรรยายถึงเทคนิคในการเตรียมคัสตาร์ดเนื้อนุ่มเบา ๆ กับหิมะไข่ขาว ปัจจุบัน เครเมสเป็นวัตถุดิบหลักในร้านขายขนมอบของฮังการีทุกแห่ง (cukrászda) แต่ก็ค่อนข้างเป็นที่นิยมในประเทศอื่นๆ ในยุโรปกลางเช่นกัน ในโปแลนด์ รู้จักกันในชื่อ kremówkas ชาวสโลวักเรียกพวกเขาว่า krémeš ในสโลวีเนีย พวกเขาใช้ชื่อ kremne rezine ชาวโครเอเชียใช้ชื่อ kremšnite ในขณะที่ชาวบอสเนีย เซอร์เบีย และโรมาเนียมีคำศัพท์ว่า เครมพิต.
วัตถุดิบเค้กวานิลลาคัสตาร์ด |
milk |
นม หรือ น้ำนม (Milk) คือ ของเหลวสีขาวที่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กหรือสัตว์เกิดใหม่ ที่ผลิตออกมาจากเต้านมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อาทิเช่น มนุษย์ วัว แพะ แกะ ควาย ม้า ลา อูฐ จามรี เรีนเดียร์ ลามา แมวน้ำ และยังรวมไปถึงเครื่องดื่มที่ใช้แทนนมด้วย เช่น นมถั่วเหลือง น้ำนมข้าว นมข้าวโพด นมแอลมอนด์เป็นต้น |
vanilla |
วานิลลา (Vanilla) เป็นกลิ่นที่ได้จากฝักของกล้วยไม้สกุล Vanilla ต้นกำเนิดจากเม็กซิโก ชื่อวานิลลามาจากคำในภาษาสเปนว่า “ไบย์นียา” (vainilla) ซึ่งแปลว่า ฝักเล็ก ๆ วานิลลามักถูกนำมาใช้แต่งกลิ่นในการทำอาหารประเภทของหวานและไอศกรีม |
salt |
เกลือ (Salt) หรือเกลือโซเดียมนั้นมีแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็อาจส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย ดังนี้ ป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ,ป้องกันภาวะขาดน้ำ และป้องกันการขาดไอโอดีน แต่ต้องรับประทานในขนาดที่เหมาะสมต่อวันมิเช่นนั้นจะเดิดโทษต่อร่างกาย มากกว่าได้ประโยชน์ |
sugar |
น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มากจากอ้อย มะพร้าว แต่โดยทั่วไปแล้วจะเรียกอาหารที่มีรสหวานว่าน้ำตาลแทบทั้งสิ้น เช่น ทำมาจากตาลจะเรียกว่าตาลโตนด ทำมาจากมะพร้าวจะเรียกว่าน้ำตาลมะพร้าว ทำมาจากงวงจากจะเรียกว่าน้ำตาลจาก ทำมาจากงบจะเรียกว่าน้ำตาลงบ ทำมาจากอ้อยแต่ยังไม่ได้ทำเป็นน้ำตาลทรายจะเรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ถ้านำมาทำเป็นเม็ดจะเรียกว่าน้ำตาลทราย หรือถ้านำมาทำเป็นก้อนแข็งคล้ายกรวดจะเรียกว่าน้ำตาลกรวด ฯลฯ |
gelatin |
เจลาติน (Gelatin) คือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากคอลลาเจน ส่วนใหญ่มักทำมาจากโปรตีนเกือบทั้งหมด และมีกรดอะมิโนพิเศษที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ผลิตภัณฑ์โปรตีนที่ได้มาจากคอลลาเจน เจลาตินมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่สำคัญเพราะมีกรดอะมิโนที่พิเศษ เจลาตินมีบทบาทสำคัญสำหรับข้อต่อและการทำงานของสมอง และอาจทำให้ผิวและผมดีขึ้น |
butter |
เนย (Butter) เป็นไขมันสัตว์ที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการแยกออกมาจากน้ำนมหรือครีม ส่วนใหญ่จะใช้น้ำนมจากสัตว์ เช่น วัว ควาย แพะ หรือแกะ กระบวนการผลิตเนย เริ่มจากการนำน้ำนมไปเข้าเครื่องจักรเพื่อปั่นหรือเหวี่ยงด้วยความเร็วสูง เมื่อเหวี่ยงจนได้ที่จะได้วัตถุดิบออกมา 2 ชนิด คือ บัตเตอร์มิลค์ เป็นส่วนของน้ำสีขาวขุ่น และเนย เป็นส่วนของก้อนไขมันสีเหลืองๆ ซึ่งก็คือเนยแท้ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘เนยสด’ นั่นเอง |
lemon |
เลมอน (lemon) เป็นผลไม้ที่จัดอยู่ในตระกูลส้ม มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ปลายยอดมีหนามแหลม ลักษณะของใบเป็นใบเดี่ยว เมื่อนำมาขยี้จะมีกลิ่นหอมแรง ส่วนลักษณะของดอกเลมอน ดอกมีกลิ่นหอม และมีสีขาว ส่วนลักษณะของผลเลมอน เป็นรูปกลมรี ที่ปลายผลจะมีติ่งแหลม ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง ในผลมีเมล็ดหลายเมล็ด เนื้อผลฉ่ำน้ำ และมีรสเปรี้ยว |


Post Views: 677